13 ตุลาคม 2559 เชื่อว่าประชาชนชาวไทยจำได้ไม่เคยลืมเพราะเป็นวันที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่นำความโศกเศร้ามาสู่หัวใจพสกนิกรชาวไทย คือวันที่พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สวรรคต นับเป็นปีที่ 6 แล้วที่พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแต่พระเกียรติยศพระเกียรติคุณพระองค์ยังปรากฏขจรขจายท่วมท้นเหนือเกล้า ทรงสถิตอยู่ในความทรงจำของปวงชนชาวไทยเสมอมา
พลอากาศเอก เสนาะ พรรณพิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า ในปีมหามงคลที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ พระอัจฉริยภาพ พระมหากษัตริย์ไทย ด้านการเกษตร เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้และเผยแพร่หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สังคม การจัดงานนิทรรศการหมุนเวียนในความทรงจำนิรันดร์เพื่อน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เผยแพร่พระเกียรติคุณ และพระอัจฉริยภาพของพระองค์ตลอดระยะเวลา 70 ปีแห่งการครองราชย์ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพสกนิกร ดังพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการพิเศษ “ในหลวงในความทรงจำนิรันดร์” นิทรรศการที่ถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณและพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 “เรื่องเล่าในความทรงจำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.10) และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”เมื่อครั้งตามเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานในพื้นที่ต่างๆ และความทรงจำของบุคคลต่างๆ “ในหลวงในความทรงจำของราษฎรทั่วหล้า” จากพสกนิกรหลากหลายอาชีพทั้งเกษตรกร ช่างภาพ นักดนตรี “ในหลวงในความทรงจำของพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ” เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเปิดพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2545 และในหลวงในความทรงจำของ“เรา” กิจกรรมที่ชวนให้ผู้เข้าชมนิทรรศการมาร่วมระลึกและบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงมหาราชและจารึกไว้ในดวงใจอย่างมิรู้ลืม
สำหรับเดือนนี้นิทรรศการจากพี่น้องเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ มาในหัวข้อ “จากคำสอนพ่อ…สู่งานของฉัน” โดยน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 ความตอนหนึ่งที่ว่า“…เศรษฐกิจพอเพียง เป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็ม ที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ำไป…”เป็นแนวคิดในการจัดนิทรรศการครั้งนี้ ผ่านฐานการเรียนรู้ 8 ฐาน ได้แก่ ฐานการเรียนรู้โคก หนอง นา ประสา “ลุงแสบ” ใช้เวลา 3 ปีในการพิสูจน์ตัวตน จากที่เคยโดยกล่าวหาว่าเป็นคนบ้า สู่บุคคลต้นแบบสร้างเครือข่ายการทำเกษตรที่เข้มแข็งกว่า 1,000 คน ฐานการเรียนรู้ร่วมด้วยช่วยกัน “บุกฉัน – แกงเธอ” ยกระดับผลิตภัณฑ์ของเครือข่ายพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ จากวัตถุดิบชุมชนสู่อาหารสำเร็จรูป ฐานการเรียนYoung ตามพ่อ “อยู่เลย” เรียนรู้วิถีเกษตรของคนรุ่นใหม่ ทิ้งเมือง กลับบ้าน พัฒนาชุมชน ฐานการเรียนรู้ปลูกข้าว สร้างคน ชุมชนร่วมใจ สานต่อวิถีแห่งความพอเพียงจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์รักษ์ธรรมชาติ บ้านโสกขุมปูนฐานการเรียนรู้มะพร้าวมากคุณค่า พัฒนาบ้านทุ่งสะท้อน จากวิกฤติมะพร้าวไทยล้นตลาด ทำให้ชาวบ้านทุ่งสะท้อนรวมกลุ่มกันตั้งวิสาหกิจชุมชน 100 พันมะพร้าวไทย ร่วมกันพัฒนาและแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายสร้างรายได้ และความมั่นคงให้กับชุมชน ฐานการเรียนรู้เกษตรกรรมยั่งยืน พลิกฟื้น เขา ป่า นา เล ชวนมาทำความรู้จักกับคนรุ่นใหม่ กลุ่มเกษตรกรต้นแบบพัฒนาเป็นผู้ประกอบการเกษตรกรรมยั่งยืน ฐานการเรียนรู้วัด บ้าน ร่วมใจ ผักปลอดภัยขึ้นห้าง พลิกฟื้นเขาหัวโล้น สู่ป่าต้นน้ำ ชุมชนมีความสุข มีแหล่งอาหาร มียาสมุนไพร ฐานการเรียนรู้ หมากไม้ป่าพัฒนาภูพาน ต่อยอดจากผลผลิตในชุมชน ผลิตน้ำผลไม้ป่า อนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชน
จัดเต็มตลอด 4 วัน กับวิชาของพ่อ วิชาของแผ่นดิน การบรรยายและการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยเกษตรกรผู้มากด้วยประสบการณ์เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจ บอกเล่าประสบการณ์จริงผ่าน“วิชาของแผ่นดิน”แลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญา สู่การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่วิถีของตนเอง อาทิ หลักสูตรโซล่าเซลล์ เพื่อการพึ่งตนเอง หลักสูตรเกษตรไร่นา สวนผสม หลักสูตรธนาคารน้ำใต้ดิน หลักสูตรเกษตรสร้างปัจจัย 4 เป็นต้น
ชม ช้อปตลาดเศรษฐกิจพอเพียง ตลาดมิตรภาพและการแบ่งปัน พื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สินค้า ผลผลิตเกษตรปลอดภัยที่คัดสรรมาให้เลือกซื้อ สมุนไพรไทย ต้นไม้นานาพันธุ์ผักพื้นบ้าน ผลไม้ตามฤดูกาล ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมถึงอาหารพื้นบ้านคาวหวานทั้ง 4 ภาคที่มากด้วยคุณภาพจากผู้ผลิต ราคาเป็นกันเองกว่า 200 ร้านค้า ไม่พลาดที่จะร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ พร้อมรับของที่ระลึกตลอดงาน
พลอากาศเอก เสนาะ พรรณพิกุล กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมงาน เพิ่มเติมว่า “วันที่ 13 ตุลาคม นี้ เวลา 08.00 น.ขอเชิญชวน ผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระภิกษุสงฆ์ 69 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในเวลา 15.52 น. ขอให้ผู้มาร่วมงานนำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาร่วมกิจกรรมน้อมรำลึก และรับฟังบทเพลงแห่งความทรงจำ สำหรับในช่วงเย็นเวลา 18.00 น. จัดพิธีจุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พร้อมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเราโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด ทั้งวัน”
ขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในงานนิทรรศการหมุนเวียน “ในความทรงจำนิรันดร์” ระหว่างวันที่ 13 – 16 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ทาง Online Facebook พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ และ Onsite ที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ปทุมธานี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-529-2212-13, 087-359-7171 คลิกดูรายละเอียดได้ที่
www.wisdomking.or.th หรือ facebook / Instagram /Line ID : @wisdomkingmuseum และ Youtube พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ
ขอขอบคุณที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักสารสนเทศและการสื่อสาร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร 087-359-7171 และ 094-649-2333
จะไม่พลาดข่าวสำคัญ ติดตามผลงานอ่านข่าวได้ที่
https://www.youtube.com/channel/UCWTu07cP_-GNgtULQWtA8qg
https://khaobuapathumnewsonline.blogspot.com/p/14-3.html
https://at.tumblr.com/songkhaodedthailand/697828806223904768/e64m1wyyu6z0
https://khaobuapathumnewsonline.blogspot.com/p/9-13-16.html
https://www.facebook.com/groups/www.songkhaodedthailand
https://twitter.com/songkhaoded