วันนี้ (6 ต.ค.64) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและชี้แจงข้อราชการสำคัญ โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
<script async custom-element="amp-auto-ads"
src="https://cdn.ampproject.org/v0/amp-auto-ads-0.1.js">
</script>
นอกจากนี้ ยังได้ติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเรื่องอื่น ๆ ได้แก่ 5) การดำเนินการจัดการปัญหาหนี้นอกระบบ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ รวมถึงใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้มาบังคับใช้ เพื่อสวัสดิภาพของประชาชน 6) การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) 7) การเตรียมการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ให้เป็นไปโดยสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม 8) การจัดการผักตบชวา โดยสนับสนุนการดำเนินงานเก็บเล็กของประชาชนและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานกรมโยธาธิการและผังเมือง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามมาตรการกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำแต่ละประเภท 9) การบริการสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซ่อมแซมถนนหนทางหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยให้กระทรวงมหาดไทยประสานทุกจังหวัดเร่งสำรวจและจัดทำคำของบประมาณเพื่อซ่อมแซมถนนในท้องถิ่นตามสภาพความเป็นจริง 10) การนำสายไฟฟ้าและสายสาธารณูปโภคต่าง ๆ ลงดิน และ 11) การเตรียมการบริหารจัดการสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน เพื่อลด PM2.5 ในช่วงปลายปีนี้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ 1) การจัดการด้านการพัฒนาผังเมืองจังหวัด ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนา โดยส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stake Holder) ในพื้นที่ เข้ามาประชุมให้ความเห็นมากขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่นั้น ๆ ตามความต้องการที่แท้จริงของประชาชน 2) เรื่อง OTOP ขอให้จังหวัดมีส่วนร่วมในการสร้างช่องทางส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถนำสินค้าจำหน่ายได้ และมอบหมายเจ้าหน้าที่ลงไปส่งเสริมพัฒนาให้องค์ความรู้ในการพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ให้กับประชาชนเพื่อสามารถจำหน่ายสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และ 3) การแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยจัดทำพื้นที่รองรับน้ำและนำน้ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอฝากผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1) การจัดสรรงบประมาณจังหวัด กลุ่มจังหวัด และงบประมาณท้องถิ่น ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนพัฒนาจังหวัดที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 2) เมื่อ ศบค. มีการผ่อนคลายมาตรการรวมกลุ่มของบุคคลให้สามารถจัดการฝึกอบรม-สัมมนาได้ ให้พิจารณาสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่ ด้วยการจัดฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ผู้ประกอบ ในโรงแรมในพื้นที่ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในจังหวัด 3) การเตรียมการบริหารจัดการอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยจังหวัดในพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงไป ต้องเตรียมรับมือสถานการณ์ ทั้งการพร่องน้ำ ทำที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล และสำรวจสถานที่รองรับน้ำ โดยเตรียมพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย และเครื่องสูบน้ำ 4) เข้มงวดกวดขันการปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมตัวกันของประชาชน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 5) การฟื้นฟูเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยอย่างแม่นยำถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และ 6) การจัดการน้ำเสีย โดยสำรวจสถานที่ในจังหวัดที่จำเป็นต้องจัดการน้ำเสีย และร่วมกับองค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) จัดทำแผนแม่บทจัดการน้ำเสียในพื้นที่ พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะได้นำนโยบายที่ได้รับมอบหมายให้ขับเคลื่อนการปฏิบัติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์อุทกภัยซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจังหวัดปริมณฑลในการบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์อุทกภัยต่อไป นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการในเรื่องที่มีความสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ 1) การปฏิรูปประเทศโดยนำเอายุทธศาสตร์ชาติมาทำงานให้บังเกิดผลดีกับพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสนับสนุนในเรื่องกิจกรรมปฏิรูปด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการบริหารราชการแผ่นดิน และการสร้างความเข้มแข็งการบริหารราชการระดับพื้นที่ มุ่งเน้นให้พี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นเจ้าภาพหลักในเรื่องการประเมิน “จังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูงในการทำงาน” จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมการเข้ารับการประเมินผลการปฏิบัติงานที่มีผลสัมฤทธิ์สูง ด้วยการกำหนดนโยบาย (Agenda) และประเด็นที่สำคัญ ที่จังหวัดจะใช้ในการพัฒนาเพื่อทำงานให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะได้มอบหมายหน่วยงานผู้รับผิดชอบแจ้งหลักเกณฑ์ให้จังหวัดดำเนินการต่อไป 2) ด้านการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งมีเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนผ่านสื่อสารมวลชนว่ายังไม่ได้รับการดูแลหรือช่วยเหลือในพื้นที่ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พัฒนาบุคลากรในจังหวัดด้านการประชาสัมพันธ์ รายงานข่าว และสื่อสารข้อมูลกับประชาชน จัดทำข้อมูลข่าวสารเพื่อประชาสัมพันธ์การลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานในจังหวัด รวมถึงช่องทางการช่วยเหลือประชาชน และข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนร่วมกับกองสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนส่วนกลางให้เกิดการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับภารกิจของทุกจังหวัดอย่างแพร่หลายต่อไป และ 3) ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ นำนโยบายต่าง ๆ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปขับเคลื่อนการปฏิบัติ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงข้าราชการผู้ปฏิบัติทุกท่าน ที่ร่วมกันทำงานมาอย่างต่อเนื่องด้วยความเข้มแข็ง และทุ่มเท โดยฝ่ายการเมือง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมให้การสนับสนุนในทุกเรื่องเพื่อให้การขับเคลื่อนงานเกิดความสมบูรณ์ และจะได้มีการจัดประชุมติดตามการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญในทุกเดือนเพื่อจะได้ติดตาม ประเมิน หาแนวทางในการพัฒนางานเพื่อพี่น้องประชาชน โดยจะเปิดโอกาสให้ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคได้นำเสนอผลการดำเนินงานต่อไป และขอเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดประชาชน ให้ขับเคลื่อนงานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถ
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 135/2564
วันที่ 6 ต.ค. 2564