ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 200 คน ร้อง “ ปวีณา” แฉกลโกงบริษัทหลอกช่วยปิดหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บ้าน รถยนต์ ปิดหนี้ให้จริงหลักแสนแต่กลับหลอกให้กู้ซื้อคอนโดฯ คนละ 3-5 ห้อง สุดท้ายเป็นหนี้ธนาคารหลายแห่งรวม 10-25 ล้าน ถูกแบงก์ฟ้อง ยึดทรัพย์บังคับคดี หลายคนเครียดจนจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย ผู้เสียหายที่สรุปข้อมูลได้ 103 คน ค่าเสียหายที่เป็นทางการ 1,470 ล้านบาท มี 8 ธนาคารที่ยื่นกู้ “ปวีณา” รวบรวมหลักฐานเตรียมยื่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เกินสัปดาห์หน้ายื่นเรื่องกองปราบ หรือ DSI

ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 7 ธ.ค.67 เวลา 13.00 น. ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 200 ราย เดินทางมาจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท ธุรกิจส่วนตัว ผู้บริหาร และข้าราชการ รวมตัวเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี อ้างว่า ถูกบริษัทแห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี ติดต่อมายื่นข้อเสนอช่วยปิดหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บ้าน และรถยนต์ที่ผ่อนอยู่ โดยการรวมยอดหนี้ปิดให้ทีเดียว แต่ต้องร่วมโครงการกู้ซื้อคอนโดฯ กับบริษัทในการยื่นกู้ธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมิเนียม จะได้มาผ่อนรายเดือนกับบริษัท และผ่อนคอนโดฯ หากกู้ซื้อ 3 ห้อง ผู้เสียหายจะผ่อนแค่ห้องเดียว อีก 2 ห้องบริษัทจะเป็นคนจ่าย เมื่อครบสัญญาจะซื้อคืน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อกลับต้องเป็นหนี้ธนาคารมีชื่อในการกู้ซื้อคอนโดฯ กันคนละ 3-5 ห้อง ทั้งที่บางคนเงินเดือนแค่ 2-3 หมื่น แต่กลับต้องเป็นหนี้หลายล้าน มากสุดถึง 25 ล้าน สุดท้ายบริษัทปิดตัวหนีหายติดต่อไม่ได้ หลายคนเครียดจัดจนคิดฆ่าตัวตาย เพราะถูกธนาคารทวงหนี้ ฟ้องยึดทรัพย์บังคับคดี ความเสียหายนับพันล้าน

ข้อมูลขณะนี้มีผู้เสียหาย 200 กว่าราย แต่ที่สรุปข้อมูลเป็นทางการ 103 ราย กู้ซื้อคอนโดมิเนียม/ห้องชุด 414 ห้อง กู้ซื้อกับ 8 ธนาคาร ปัจจุบันบริษัทไม่จ่ายเงินค่าผ่อนซื้อ ผู้เสียหาย 103 คน จึงเป็นหนี้ 1,470 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางแนบ

น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนมีเงินเดือน 4 หมื่นกว่า และมีหนี้สินจากบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ประมาณ 900,000 บาท และที่ต้องจ่ายต่อเดือนมากกว่าเงินเดือนมาก ช่วงปี 2566 จู่ๆ ได้มีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าเป็นบริษัทแห่งหนึ่ง และสอบถามว่าเรามีหนี้บัตรเครดิต และหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถใช่หรือไม่ ซึ่งตนเองเองก็ไม่ทราบว่าบริษัทแห่งนี้รู้ข้อมูลส่วนตัว และเขาก็มีข้อเสนอจะให้รวมหนี้ทั้งหมดและปิดหนี้ให้ โดยให้มาผ่อนกับบริษัทรายเดือนที่เดียวเพื่อจะได้ผ่อนสบายๆ ซึ่งตนก็สนใจเดินทางไปที่บริษัทซึ่งตั้งอยู่ย่านคูคต จ.ปทุมธานี ลักษณะเป็นตึกแถว 2 คูหา เข้าไปมีพนักงานเข้ามาต้อนรับและแนะนำต่างๆ แจ้งว่าจะปิดหนี้ให้ทั้งหมด และแนะนำชักชวนให้เป็นผู้ร่วมลงทุนซื้อขายคอนโดมิเนียมในระยะเวลา 2-5 ปี จนเสร็จสิ้นโครงการ

หลังตกลงใจให้บริษัทปิดหนี้ ทางบริษัทได้พาไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สภ.คูคต โดยระบุว่าบริษัทได้มอบเงินให้ไปปิดหนี้ทั้งหมด และสัญญาจะร่วมกับบริษัทจนเสร็จสิ้นโครงการ จากนั้นบริษัทก็ปิดหนี้ 900,000 บาทให้จริง โดยทำสัญญาผ่อนจ่ายรายเดือน และห้ามให้ตนกู้เงินอะไรอีกเพราะต้องการให้เครดิตบูโรไม่มีหนี้สิน หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือนเมื่อเครดิตดีบริษัทให้เซ็นเอกสารกู้ซื้อคอนโดฯ โดยให้เซ็นไว้หลายชุด โดยบริษัทอ้างว่าจะยื่นกู้ซื้อคอนโดฯ 5-7 แบงก์ในช่วงเวลาเดียวกัน ตอนแรกก็เข้าใจว่าซื้อคอนโดฯ ห้องเดียว ซึ่งมารู้ที่หลังบริษัทแจ้งว่ากู้ซื้อคอนโดฯ ผ่านถึง 5 ห้อง ราคาห้องละ 2-5 ล้าน ตนต้องเป็นหนี้ถึง 16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้บังคับให้ทำประกันชีวิตเพื่อค้ำประกันยอดหนี้กับธนาคารด้วย โดยจำนวนเงินที่จ่ายค่าประกันก็มารวมกับยอดหนี้ที่ตนมาเป็นหนี้กับบริษัทที่ต้องผ่อนรายเดือนด้วย

บริษัทได้ทำสัญว่าให้ตนผ่อนคอนโดฯ 1 ห้อง ส่วนอีก 4 ห้องทางบริษัทจะเป็นคนผ่อนกับธนาคาร เมื่อครบสัญญา 5 ปี บริษัทจะซื้อคืน ส่วนเงินที่ผ่อนคอนโดฯ ของตนก็จะไปหักกับยอดหนี้ทางบริษัท ผ่านมา 1 ปี เมื่อวันที่ 25 พ.ย.67 จู่ๆ ธนาคารก็โทรมาทวงถามเพราะค่างวดเพราะบริษัทไม่จ่าย ตนจึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว และต้องเป็ฯหนี้ถึง 16 ล้านบาท ไม่รู้จะทำอย่างไร เครียดจัดจนกินไม่ได้นินไม่หลับต้องพบหมอจิตแพทย์ และจะผูกคอตายหนีปัญหา แต่ได้ลองโทรมาขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ ได้พูดคุยกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ จึงเริ่มจะมีความหวังที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม

น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนมีหนี้สินจากบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ประมาณ 600,000 บาท ทางบริษัทโทรมาชักชวนให้เข้าร่วมโครงการปิดหนี้มีเงินเหลือ ตนสนใจเพราะต้องผ่อนรายเดือนหนักมากจะไม่ไหว อยากจะผ่อนสบายๆ จากนั้นตนก็เดินทางไปที่บริษัทย่านคูคต เมื่อตกลงบริษัทจะปิดหนี้ทั้งหมดให้ เขาก็พาไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.คูคต และทำสัญญาร่วมโครงการซื้อคอนโดฯ ร่วมพัฒนาธุรกิจ แล้วบริษัทก็ปิดทั้งหมดให้จริง โดยโอนเงินสดเข้าบัญชีของญาติตน และพนักงานมาติดตามดูในการไปปิดหนี้ทั้งหมด และตนต้องผ่อนหนี้รายเดือนกับบริษัท ผ่านไป 6 เดือนเขาเซ็นเอกสารยื่นกู้ซื้อคอนโดฯ ที่บริษัทเตรียมไว้ให้ และบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดมีการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง กู้แบงก์ผ่านโดยง่ายเพราะบริษัทบอกว่ายื่นทีเดียวคอนโดฯ หลายห้อง บูโรจะใสสะอาด หลายธนาคารก็ต้องผ่าน จากนั้นตนก็กลายเป็นผู้กู้ซื้อคอนโดฯ 3 ห้อง เป็นหนี้ 7 ล้านบาท โดยบริษัทปิดหนี้ให้ 680,00 บาท และสุดท้ายบริษัทแจ้งมาว่าจะต้องยุติการผ่อนจ่ายค้างค่างวดธนาคาร 14 งวด ค้างค่าส่วนกลางคอนโดฯ 3 ห้อง ซึ่งก็กลายเป็นว่าตนต้องรับสภาพ ทุกวันนี้ไม่มีทางออกเครียดมาก เมื่อไปที่บริษัทก็พบว่มีการติดประกาศบริษัทปิดไปแล้ว

น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนก็เจอแบบเดียวกันกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ครั้งแรกที่เดินทางไปที่บริษัทหลังได้รับการติดต่อ พนักงานบริษัทพูดถึงโครงการทุกอย่างดูน่าเชื่อถือ และเดินเรื่องยื่นกู้แบงก์อย่างง่ายดาย ตนได้ค้นข้อมูลในอินเคอร์เน็ตพบว่าบริษัทนี้มีกรรมการอยู่ 2 คน ทุนจดทะเบียน 55 ล้าน เปิดมาหลายปีตั้งแต่ปี 55 เมื่อหลงเชื่อก็ต้องกลับเป็นหนี้ 15 ล้านบาท หลังรู้ตัวว่าผู้หลอกจึงได้เข้าร่วมกลุ่มไลน์ผู้เสียหายที่มีกว่า 200 คน มูลค่าความเสียหายนับพันล้าน ก่อนจะรวมตัวกันมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

ด้านน.ส.นันท์วาภัทร นพชัยกิตติยุต ทนายความที่เข้ามาช่วยผู้เสียหาย กล่าวว่า บริษัทแห่งหนี้ทำในรูปแบบวันสต๊อปเซอร์วิส เมื่อผู้เสียหายไปถึงจะทำเรื่องให้เบ็ดเสร็จทุกอย่าง บริษัทจะยื่นกู้ 1 ห้อง ต่อ 1 แบงก์ และได้ส่วนต่างที่กู้ได้โอเวอร์ ทางแยงก์จะโอนเงินไปให้ผู้เสียหาย ทางบริษัทก็ติดตามให้ผู้เสียหายโอนให้กับบริษัท ตอนนี้เบื้องต้นผู้เสียหายเป็นหนี้กับธนาคารคนละ 14 ล้าน จากที่เป็นหนี้หลักแสน ลักษณะพฤติกรรมเป็นการโทรชักชวนผ่านทางโทรศัพท์และให้เดินทางไปที่บริษัท ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าไปได้ข้อมูลของผู้เสียหายมาได้อย่างไร ตอนนี้มีผลกระทบกับผู้เสียหายใน 2 ลักษณะ 1.เมื่อครบสัญญาแต่ไม่มีการซื้อคืนตามสัญญาที่ตกลง ตั้งแต่ปี 2561-2564 ผู้เสียหาย 39 ราย คอนโดฯ จำนวน 154 ห้อง มูลค่าความเสียหาย 539 ล้านบาท 2.ยังไม่ครบสัญญาแล้วบอกเลิกสัญญาก่อนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ตั้งแต่ปี 2563-ปัจจุบัน ผู้เสียหาย 64 ราย คอนโดฯ จำนวน 260 ห้อง มูลค่าความเสียหาย 931 ล้านบาท

หลังรับเรื่อง นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และเห็นใจผู้เสียหายทุกคนที่ถูกหลอกจนเป็นหนี้มหาศาล จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกสาเหตุจากที่หลายตนต้องผ่อนหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หนีบ้าน หนี้รถยนต์ ทำให้อยากลดภาระใรการจ่ายรายเดือนลง เมื่อมีบริษัทเข้ามายื่นข้อเสนอจึงหลงเชื่อกลับกลางต้องเป็นหนี้กับคนละนับสิบล้านบาท ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำแบบนี้ต้องทำเป็ฯขบวนการ ทั้งบริษัทนายหน้าที่ชักชวนปิดหนี้ให้ และโครงการคอนโดฯ ที่กู้ซื้อ เพราะทุกอย่างมีการวางระบบยื่นกู้ง่าย ธนาคารปล่อยสินเชื่อกู้ซื้อคอนโดฯ ง่าย คอนโดฯ บางแห่งกู้ได้มากว่าราคาประเมิน จึงอยากฝากถึงผู้บริหารธนาคารต่างๆ ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ และเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ เพราะอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว อยู่ดีๆ มีหนี้นับสิบล้าน จากที่เคยคิดจะปิดหนี้กลับมาต้องเป็นหนี้สินนับสิบล้าน ถูกฟ้องร้อง บังคับคดี ยึดทรัพย์ ทุกหนักกว่าเดิม โดยนางปวีณา จะประชุมหารือเพื่อพาผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปราม หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)