พ่อแม่เดินทางจาก จ.สกลนคร ร้อง “ปวีณา” ลูกชายวัย 14 ปี เรียนอยู่ชั้นม.2 บาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียน หลังเลิกเรียนคนขับรถส่งเด็กตามจุดต่างๆ ออกรถกระชากแรงจนลูกชายที่อยู่ท้ายรถหงายหลังตกลงพื้นถนนถูกลากไปไกล 100 เมตร ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวาตั้งแต่ต้นขาลงมาถึงหน้าแข้งเป็นแผลครูดถลอก, แผ่นหลังเป็นแผลขนาดใหญ่, กระดูกหัวเข่าโผล่แทงออกมา , กระดูกเชิงกรานหักหลายท่อน, ท่อระบบสืบพันธุ์อักเสบ ,ลูกอัณฑะแตก 1 ข้าง, พบน้ำในปอด และปอดแฟบหนึ่งข้างเ ไอออกมาปนเลือด เนื่องจากถูกกระแทกอย่างแรง, หมอต้องให้เลือดกรุ๊ป O ครูที่โรงเรียน 3 คนบริจาคให้เลือด 2 ถุง ซึ่งหมอบอกว่า ลูกชายต้องเป็นหมันและไม่ยืนยันว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ พ่อแม่สงสารลูกจับใจ ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม “ปวีณา” ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. มอบหมายให้ ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ร่วมประชุมพร้อมกับพ่อแม่เด็กหาแนวทางการช่วยเหลือและป้องกันเหตุร้ายหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับเด็กนักเรียน
ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 4 ต.ค.67 เวลา 10.30 น. นายประสิทธิ์ อายุ 52 ปี และนางสุกัญญา อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เดินทางมาจาก จ.สกลนคร เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กรณี ด.ช.ณัฐกรณ์ ลูกชายวัย 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ประสบอุบัติเหตุจากรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนระหว่างทางกลับบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ลูกชายยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนให้เงินช่วยเหลือมา 3,500 บาท ลูกนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 2 ต.ค. เป็นเวลา 17 วัน ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เพราะยังลุกจากเตียงไม่ได้ แม่ต้องไปเฝ้าดูแล ซึ่งพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างรายวัน วันไหนไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้เงินครอบครัวก็ฐานะยากจนจริงๆ โดยหมอจะให้ลูกชายอยู่รักษาที่โรงพยาบาลต่อ เพื่อดูอาการและระวังการติดเชื้อ แต่พ่อแม่ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปเฝ้าลูกจึงขอหมอออกจากโรงพยาบาลและพาลูกกลับมารักษาเองที่บ้าน ซึ่งแม่ก็ได้ถามหมอว่า ลูกชายจะหายเป็นปกติได้หรือไม่ หมอก็ไม่ได้ยืนยันบอกเพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาในการรักษาตัว และต้องเป็นหมันมีลูกไม่ได้ แม่เกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคนขับรถสองแถวโรงเรียนก็ไม่เคยมาเยี่ยมลูกชายเลย แม่จึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณาฯ และขอให้ช่วยรักษาลูกชายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ
นางสุกัญญา ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ลูกชาย เล่าว่า หลังเลิกเรียนก็ขึ้นรถรับ-ส่งของโรงเรียนกลับบ้านเหมือนทุกวัน ซึ่งรถคันดังกล่าวลักษณะเป็นรถสองแถวหลังคาสูง ช่วงท้ายรถมีบันไดเหล็ก 3 ขั้นสำหรับขึ้นลงและมีโครงเหล็กต่อยื่นเป็นที่ยืนและราวจับ มีประตูเหล็กสำหรับปิดเปิดขึ้นลง คนขับรถเป็นชาย อายุ 37 ปี ก่อนเกิดเหตุคนขับรถได้ไปส่งนักเรียนตามจุดต่างๆ เมื่อไปถึงจุดส่งนักเรียนบริเวณในหมู่บ้านดอนสัมพันธ์ หมู่ 9 อ.เมือง จ.สกลนคร ลูกของตนที่อยู่ในรถได้หลีกทางให้เพื่อนจากด้านในรถลง ระหว่างที่ลูกตนกำลังก้าวขาขึ้นรถคนขับได้เหยียบคันเร่งออกรถอย่างแรงทำให้ลูกชายหงายหลังตกลงจากรถ โดยมือได้คว้าราวบันไดรถไว้ ส่วนขาข้างขวาถูกลากไปกับพื้นถนนกว่า 100 เมตร ซึ่งมีนักเรียนหลายคนในรถที่เห็นเหตุการณ์พยายามช่วยกันตะโกนเรียกให้คนขับจอดรถแต่คนขับอ้างว่าไม่ได้ยิน จนเป็นเหตุให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ลูกชายมีบาดแผลที่ขาข้างขวาตั้งแต่ต้นขาลงมาถึงหน้าแข้งเป็นแผลครูดถลอก, แผ่นหลังเป็นแผลขนาดใหญ่, กระดูกหัวเข่าโผล่แทงออกมา เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอตรวจพบว่า กระดูกเชิงกรานหักหลายท่อน, ท่อระบบสืบพันธุ์อักเสบ ,ลูกอัณฑะแตก 1 ข้าง, พบน้ำในปอด และปอดแฟบหนึ่งข้าง ไอออกมาปนเลือด เนื่องจากถูกกระแทกจากอุบัติเหตุอย่างแรง, หมอได้ทำการผ่าตัดลูกอัณฑะที่แตกออกไป 1 ข้าง ต้องให้เลือดกรุ๊ป O ครูที่โรงเรียน 3 คนมาบริจาคให้เลือด 2 ถุง ซึ่งหมอบอกว่า ลูกชายต้องเป็นหมันและไม่ยืนยันว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติหรือไม่และลูกยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากแพทย์ให้ระวังการติดเชื้อ
หลังเกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนให้เงินช่วยเหลือมา 3,500 บาท ลูกนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 2 ต.ค. เป็นเวลา 17 วัน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะยังลุกจากเตียงไม่ได้ แม่ต้องไปเฝ้าดูแลต่อไปอีกเพื่อดูอาการและระวังการติดเชื้อ พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างวันไหนไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้เงิน ครอบครัวก็ฐานะยากจน จริงๆ แล้วหมอจะให้ลูกชายอยู่โรงพยาบาลแต่พ่อแม่ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปเฝ้าลูกจึงขอหมออกเพื่อรักษาเองที่บ้าน จึงตัดสินใจขอร้องให้หมออนุญาตให้ลูกชายกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งแม่ก็ได้ถามหมอว่า ลูกชายจะหายเป็นปกติได้หรือไม่ ซึ่งหมอก็ไม่ได้ยืนยันบอกเพียงแต่ว่าต้องใช้เวลารักษาตัว แม่เกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แม่จึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณาฯ และขอให้ช่วยรักษาลูกชายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ
นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์จากแม่ของน้องวันที่ 2 ต.ค. รู้สึกเป็นห่วงน้องมากเพราะแม่รีบออกจากโรงพยาบาลเกรงว่าจะติดเชื้อ จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ให้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าเยี่ยมเด็ก ต่อมา ผกก.สภ.ขมิ้น ได้มอบหมาย พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ พันธ์สวรรค์ สว.สอบสวน สภ.ขมิ้น ลงเยี่ยมอาการของน้องที่บ้านและทราบว่าเด็กมีอาการเจ็บแผลผ่าตัด นางปวีณา จึงได้ประสานเลขา ผอ.รพ.สกลนคร (เนื่องจาก ผอ.รพ.เกษียณราชการ) เป็นการด่วนเพื่อนำตัวน้องเข้ารักษาต่อทันทีในวันที่ 3 ต.ค. 67 เนื่องจากน้องมีอาการเจ็บแผลอักเสบและเริ่มจะติดเชื้อ
นางปวีณา กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สภ.ขมิ้น และ พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ พันธ์สวรรค์ สว.สอบสวน สภ.ขมิ้น ที่ได้ประสานรถพยาบาลนำเด็กผู้บาดเจ็บส่งเข้ารักษาที่ รพ.เป็นการด่วน จากนั้น แม่พ่อ ได้ไปแจ้งความ และเดินทางจาก จ.สกลนคร มาพบ นางปวีณา ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เวลา 13.00 น. นางปวีณา ได้ ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) มอบหมายให้ ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อร่วมประชุมกับนางปวีณาและพ่อแม่ของเด็กชาย 14 ปีที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือและป้องกันเหตุร้ายหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับเด็กนักเรียนต่อไป