3 สาวไทยสุดช้ำ! ร้อง “ปวีณา” ตกเป็นเหยื่อ “หนุ่มมะกัน” ล่าแต้มในแอปฯ หาคู่ หลอกคบหาสร้างฝันมีครอบครัวที่อบอุ่น ก่อนมีความสัมพันธ์และแอบถ่ายคลิปโป๊ คลิปลามกแชร์โซเชียลหวั่นเอาไปขายกลุ่มลับ แถมซ้อมทำร้ายน่วม ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม “ปวีณา” พา 1 ใน 3 เหยื่อหญิงสาวผู้เสียหายพบ “บิ๊กโจ๊ก ขอช่วยเหลือติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด “ปวีณา” เตือนระวังภัยร้ายของผู้หญิงที่มากับแอปฯ หาคู่ เกรงหญิงสาวที่ไม่รู้เท่าทันตกเป็นเหยื่อ
วันที่ 8 ม.ค.67 เวลา 10.00 น. ที่สโมสรตำรวจ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาตัวแทนเหยื่อหญิงสาว 1 ใน 3 ไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอช่วยติดตามตัวดำเนินคดีกับนายทอม (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี สัญชาติอเมริกัน มิจฉาชีพหลอกหญิงสาวหลายรายในแอปพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งส่วนใหญ่เหยื่อหญิงสาวจะเป็นคนหน้าตาดี มีหน้าที่การงานที่ดี โดยนายทอมอ้างตัวเป็นอดีตทหารปลดประจำการ ชอบสาวเอเชีย อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น และพาไปอยู่กินที่อเมริกาด้วยกัน
หลังเหยื่อหญิงสาวหลงเชื่อก็เดินทางมาหาและมีความสัมพันธ์กันก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิปโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็คุยกับหญิงสาวอีกหลายรายและทำพฤติกรรมเดียวกัน เมื่อหญิงสาวจับได้ขอเลิกยุ่งเกี่ยวนายทอมจะใช้กำลังทำร้าย บีบคอ ใช้หมอนปิดหน้าจนเกือบหายใจไม่ออก ทำลายข้าวของ และขโมยทรัพย์สินหลบหนีไป
บางรายก็จะถูกส่งคลิปโป๊เปลือยของหญิงสาวมาข่มขู่คุกคาม และแชร์คลิปในโซเชียลพร้อมประจานด้วยข้อความเสียหาย โดยหญิงสาว 1 ใน 3 รายนี้ถูกหลอกให้จดทะเบียนสมรส ทำร้าย ลักทรัพย์ หลังจากหญิงสาวฟ้องหย่าถูกนายทอมแชร์คลิปโป๊ด่าประจานจนต้องย้ายบ้านบ้ายที่ทำงาน นายทอมก็ยังส่งคลิปไปประจานที่ทำงานใหม่ว่าเป็นโสเพณี จนป่วยเป็นแพนิคต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง
ขณะเดียวกันเหยื่อหญิงสาวทั้ง 3 ราย ก็ได้พบข้อมูลว่านายทอม เป็นสมาชิกกลุ่มลับที่มีการขายคลิปโป๊เปลือย คลิปลามก และมีคลิปหญิงสาวหลายรายถูกปล่อยขายในกลุ่มลับ ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย จึงเกรงว่าคลิปของตนจะถูกขายในกลุ่มลับด้วย และเกรงว่านายทอมจะไปหลอกหญิงสาวรายอื่นๆ สร้างความเสียหาย จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯติดตามคดี
นางปวีณา กล่าวว่า จากที่ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ได้เล่าว่าก่อนหน้านี้ นายทอมก็เคยมีภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินส์ ชาวจีนอยู่ที่อเมริกา และมีพฤติกรรมรุนแรง ชอบคุยกับหญิงสาวหลายรายในแอปฯ หาคู่ต่างๆ เช่นเดียวกัน โดยขณะนี้สาวไทยตกเป็นเหยื่อนายทอมถึง 3 ราย จึงได้ขอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยระงับการ่เดินทางออกนอกประเทศจนกว่าจะจับกุมตัวได้ ทั้งนี้คาดว่ายังมีหญิงสาวผู้เสียหายอีกหลายรายที่ไม่กล้าออกมาแจ้งความเพราะอับอาย หากผู้เสียหายรายใดต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งมาได้ที่มูลนิธิปวีณาฯ โทรฯ 098-478-8991, 063-237-7327 และขอเตือนภัยหญิงสาวทั้งหลายที่ใช้แอปฯ หาคู่ ต้องพึงระวังให้มาก เพราะอาจจะไม่ได้เจอคนดีเสมอไป อาจมีมิจฉาชีพหรือคนไม่ดีแฝงตัวเข้ามาหลอกทำความรู้จัก ทำให้เสียเงิน แอบถ่ายคลิปแบล็กเมล์ ถูกทำร้ายร่างกาย หรือโชคร้ายอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หลังรับเรื่อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ. ตร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวเข้าออกไทยโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว มีการเข้าออกหลายครั้ง จากนี้จะมีการขอหมายค้นและรวบรวมพยานออกหมายจับ ขยายผลว่าทำกับใครไว้บ้าง พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง เป็นคนต่างประเทศที่มาทำกับคนไทย หลอกหญิงไทยโดยสร้างสตอรี่แบบเดิมๆ เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายมาแจ้งมากกว่านี้ วันนี้จะประสานไปตม.เพื่อระงับการออกนอกประเทศไว้ก่อนและเร่งดำเนินการจับกุม ฝากเตือนหญิงไทยในการใข้แอปฯหาคู่ต้องตรวจสอบให้ดีจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ
รายละเอียด ผู้เสียหาย 3 ราย ดังนี้
เหยื่อรายที่ 1. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี อาชีพโปรแกรมเมอร์ เล่าว่า ได้รู้จักกับนายทอม อายุ 33 ปี สัญชาติอเมริกัน ในแอปพลิเคชั่นหาคู่ โปร์ไฟล์เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี หลังได้พูดคุยกันอยู่ประมาณ 4 เดือน นายทอม บอกว่าตนเองเป็นอดีตทหารปลดประจำการ ขณะนี้ทำงานขับรถบรรทุกอยู่ที่อเมริกา ต้องการคบหากับผู้หญิงไทยที่นิสัยดีและสร้างครอบครัวที่อบอุ่น
กระทั่งนายทอมได้เดินทางมาไทยเจอกับตนเองในช่วงเดือน เม.ย.65 ระหว่างที่อยู่ด้วยกันนายทอมก็จะสร้างฝันสวยงาม การวางแผนชีวิต บอกว่าจะพาไปจดทะเบียนและขอวีซ่าพาไปอยู่ที่อเมริกา ตนหลงเชื่อจึงได้ยอมจ่ายค่าโรงแรมที่พักให้ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท และมีความสัมพันธ์กัน โดยที่ตนไม่รู้ว่าถูกนายทอมแอบถ่ายคลิปเอาไว้
หลังใช้เวลาอยู่ด้วยกันประมาณ 2 อาทิตย์ ตนจับได้ว่าที่ผ่านมาขณะที่นายทอมคุยกับตนก็ได้มีการคุยกับผู้หญิงหลายคนเช่นกัน ตนจึงได้บอกเลิกและยุติความสัมพันธ์กับนายทอม ซึ่งทำให้นายทอมไม่พอใจนำคลิปของตนไปเผยแพร่บนโซเชียล โดยสร้างแอคเคาท์ปลอมส่งคลิปมาให้ตนและคนที่รู้จักเป็นการประจาน จากนั้นตนก็ได้แจ้งความทางออนไลน์ไปถึงตำรวจอเมริกันแต่ก็ได้รับการตอบกลับว่านายทอมไม่ได้อยู่ในพื้นที่
นอกจากนี้นายทอมยังส่งคลิปผู้หญิงที่คบหามาให้ตนดูด้วยเพื่อเป็นการประจานผู้หญิง ซึ่งตนเชื่อว่านายทอมน่าจะเป็นมิจฉาชีพที่อาศัยแอปพลิเคชั่นหาคู่หลอกเหยื่อสาวไทยและสาวเอเชียคบหาและแอบถ่ายคลิปไปขายในกลุ่มลับ เพราะตนเคยดูในไอแพดของนายทอมพบว่าเขาเป็นสมาชิกในกลุ่มลับที่ขายคลิปโป๊เปลือย คลิปลามกด้วย ซึ่งตนคาดว่าจะมีผู้หญิงไทยที่ถูกนายทอมหลอกอีกหลายคนจึงได้ตั้งกลุ่มในโซเชียลขึ้นมาเพื่อรวมตัวเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ และเพื่อเป็นการเตือนภัยผู้หญิงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพรายนี้
เหยื่อรายที่ 2. น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี อาชีพพนักงานต้อนรับ เล่าว่า ตนได้รู้จักกับนายทอมในแอปพลิเคชั่นหาคู่ แอปฯ เดียวกันกับน.ส.เอ โดยวิดีโอคอลคุยกันอยู่หลายเดือน จนช่วงเดือนมิ.ย.65 นายทอมเดินทางมาหาและอยู่กินกันที่ห้องพักย่านบางชัน พร้อมกับจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยา ระหว่างที่อยู่ด้วยกันนายทอมมักจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเวลาโมโหจะทำลายข้าวของเสียหาย ทำร้ายทุบตีที่ศีรษะตนบาดเจ็บ
ต่อมาวันที่ 9 ก.ย.65 ตนจับได้ว่านายทอมแอบคุยกับผู้หญิงคนอื่นและมีการไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับผู้หญิงชาวอินโดนีเซีย ที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงได้ทะเลาะมีปากเสียงกัน และนายทอมได้ทำร้ายร่างกายตนโดยการบีบคอ เอาหมอนกดที่ใบหน้า ซึ่งวันนั้นก่อนที่นายทอมจะหนีไปได้ขโมยสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงของตนไปด้วย ตนจึงได้ไปแจ้งความที่ สน.บางชัน ซึ่งตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปยื่นต่อศาลในการใช้ฟ้องหย่า
หลังจากนั้นตนได้ติดต่อนายทอมเพื่อให้มาทำการหย่าให้เรียบร้อยแต่นายทอมก็ไม่ยอมมา แถมยังส่งคลิปโป๊ของตนและคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ไปให้เพื่อนๆ และที่ทำงานของตนเพื่อประจานในโซเชียล ตนอับอายจนต้องลาออกจากงาน และเครียดจนป่วยเป็นแพนิค ต้องย้ายที่ทำงานจากกรุงเทพฯ ไปอยู่ที่จ.ภูเก็ต
ล่าสุดเดือนพ.ย.66 ตนฟ้องหย่าและศาลมีคำสั่งอนุญาต ทำให้นายโทมัสโกรธมาก ตามคุกคามส่งคลิปโป๊และข้อความไปในกูเกิ้ลแมปรีวิวร้านอาหารที่ทำงานของตนที่จ.ภูเก็ต ระบุว่า ตนเป็นผู้หญิงขายบริการ ทำให้ตนอับอายมาก เหตุเกิดในพื้นที่สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ตนต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อได้คุยกับน.ส.เอ ในกลุ่มซึ่งเป็นเหยื่อนายทอมเช่นเดียวกันจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
เหยื่อรายที่ 3. น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เล่าว่า ได้รู้จักกับนายทอม ทางแอปพลิเคชั่นหาคู่เดียวกับน.ส.เอ และน.ส.บี โดยคุยกันเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.66 นายทอมบอกว่าอยากสร้างครอบครัวกับสาวไทย ก่อนจะนัดเจอกันที่อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ในวันที่ 15 ธ.ค.66 วันแรกที่เจอกันนายทอมได้ขอตนแต่งงานแต่ตนได้ปฏิเสธโดยขอให้ดูใจเรียนรู้กันไปก่อน โดยช่วงที่อยู่ด้วยกัน 1 อาทิตย์ ที่ห้องพักในอ.บางใหญ่ ตนรู้สึกว่านายทอมเป็นคนที่อารมณ์รุนแรง ชอบสบถด่าคนอื่น และคิดว่าคงไปกันไม่ได้
วันที่ 14 ธ.ค.66 ตนจึงขอยุติความสัมพันธ์กับนายทอมและตกลงจะแยกย้ายกันในตอนเช้า แต่คืนนั้นนายทอมได้นอนหลับแกล้งทำเป็นละเมอและต่อยเข้าที่ใบหน้าตน โดยอ้างว่าเป็นเอฟเฟคจากที่เคยเป็นทหารมา จากนั้นนายทอมก็ได้ขึ้นคร่อมนั่งทับร่างของตนและใช้หมอนกดที่ใบหน้าและบีบคอตนจนเกือบจะหายใจไม่ออกก่อนจะถีบตนตกจากเตียงและตามมาบีบคอตนอย่างแรงจนจะทนไม่ไหว ตนต้องพูดอ้อนวอนร้องขอชีวิตจึงรอดมาได้และรีบวิ่งหนีออกจากห้องพักแจ้งตำรวจสภ.บางใหญ่ มาช่วยเหลือ แต่นายทอมปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรพร้อมทั้งเอาโทรศัพท์มือถือของตนไปด้วย
ขณะนี้ตนทราบว่านายทอมยังอยู่ในไทย พร้อมกับได้พูดคุยกับน.ส.เอ และน.ส.บี ผู้เสียหายอีก 2 ราย ต้องการจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะนายทอมเป็นคนอันตราย เป็นภัยร้ายของผู้หญิง จึงตัดสินใจรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพากันเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาฯ
วันนี้ 8 ม.ค. 67 นางปวีณา ได้พา น.ส.ซี หนึ่งในสาม ผู้เสียหายพบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และให้ข้อมูล โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับเรื่องและสั่งการให้ ผกก.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้ทาง ตม. ตรวจสอบอย่าให้หลบหนีออกนอกประเทศไปได้พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้มอบหมายให้ ผกก. สน.พระโขนง รับผิดชอบเคส น.ส.เอ มอบหมายให้ ผกก. สน.บางชัน นำหลักฐานการแจ้งความการหย่าร้างมาประกอบการพิจารณาของ น.ส.ซี พร้อมทั้งให้ น.ส.ซี แจ้งความที่ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต กรณีถูกนายทอมเข้าไปคุกคามที่ทำงานในร้านอาหาร โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับ นางปวีณา หงสกุล จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดต่อไป