เมื่อวันที่ 16 พ.ย.65 พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. , พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.๑ บก.ทล. ,พ.ต.อ.จิรประภาพ สุทธปรีดา ผกก.ตม.จว.พระนครศรีอยุธยาพ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ รอง.ผกก.1 บก.ทล.พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.สั่งการให้ ร.ต.อ.วัชรพล วชิรกุลฑล,ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.อรรณพ ฉิมพลี, ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ท.ไพบูลย์ ชูวงศ์รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.พ.ต.ท.สรายุทธ แสงทอง รอง ผกก. ปป. สภ.อุทัย พ.ต.ต.ไตรเภท รัฐมนตรี สวป.สภ.อุทัย ร่วมกันจับกุมนาย ชัยวัฒน์ อายุ 30 ปี ที่อยู่หมู่ที่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ (ผู้ขับขี่) 2.นางสาว เพรชรี อายุ 26 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 8 ต.หนองแขม อ.หนองแค จ.สระบุรี (นั่งโดยสารข้างผู้ขับขี่) 3.นายกรกช อายุ 26 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ (นั่งโดยสารข้างผู้ขับขี่) 4.นายซอ อายุ 32 ปี สัญชาติ เมียนมา พร้อมด้วยของกลาง1.รถยนต์กระบะ(ตู้ทึบ)สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังหมวดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน 2.วิทยุสื่อสารจำนวน 1 เครื่อง สามารถจับกุมได้ที่บริเวณทล.2045ถนนเส้นหลังนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ(Honda)ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
ด้าน พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.กล่าวว่าสืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาและจังหวัดปทุมธานี อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา)สืบสวนและเฝ้าระวังในพื้นที่เขตรับผิดชอบ
กระทั่งวันนี้(16 พฤศจิกายน2565) เวลาประมาณ 13.00 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ ทล.32 อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์คันดังกล่าวขับขี่มา โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้าขับขี่มาด้วยความเร็ว จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่รถยนต์ดังกล่าวไม่หยุดและเร่งเครื่องหลบหนี และขับขี่เข้าไปในราชมงคลหันหน้าได้ขับขี่ชนแผงกันดังกล่าวได้รับความเสียหาย ขับขี่ลักษณะหวาดเสียว และความเร็วสูงในที่ชุมชุน เจ้าหน้าที่จึงขับติดตาม ระยะทางรวมประมาณ 20 กิโลเมตร และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหยุดรถยนต์คันดังกล่าวจนกระทั่งมาถึง บริเวณ ทล.2045 ถนนเส้นหลังนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ(Honda)ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาได้หยุดรถยนต์คันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ถูกจับที่ 1 ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จากการตรวจสอบพบผู้ถูกจับที่ นาย ชัยวัฒน์อายุ 30 ปี (ผู้ขับขี่) 2.นางสาว เพรชรีย์ อายุ 26 ปี (นั่งโดยสารข้างผู้ขับขี่) 3.นายกรกช อายุ 26 ปี (นั่งโดยสารข้างผู้ขับขี่)นายซอ อายุ 32 ปี สัญชาติ เมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางนั่งมาในรถคันของกลาง โดยผู้ถูกจับนั่งโดยสารมาในห้องโดยสารของรถยนต์คันดังกล่าว และพบชาวเมียนมาเพิ่มเติมอีก 2 คนนั่งมาท้ายรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อยุธยาได้ตรวจสอบเอกสารพบว่ามีเอกสารแสดงถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้น ได้ตรวจค้นบริเวณภายในรถ พบ วิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง เปิดใช้งานช่อง 141.156 และ 153.100
กการสอบถามนายกรกช อายุ 26 ปี รับว่าเป็นของตนเองและเปิดใช้งานมาตลอด ผู้ต้องหาเป็นคนไทยทั้ง3 คนให้การยอมรับว่าวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 12:00 น. ได้รับการประสานจาก ชายชาวไทย(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) โทรมาให้ไปรับแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาจำนวน 3 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยได้รับค่าจ้างเหมาเที่ยวละ 12,000 บาท และค่าจ้าง จะแบ่งกันสอบถามคนงานต่างด้าวและฟังภาษาไทย ให้การยอมรับว่า วันนี้ได้เดินทางจาก กรุงเทพมหานคร เพื่อจะไปปลายทาง จ.เชียงใหม่ โดยตนรับว่าไม่มีเอกสารใดๆแสดงขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบ โดยมีการให้ค่าใช้จ่ายกับ ผู้ต้องหาทั้ง3 คนเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเป็นคนไทยทั้ง3 คน ฐาน “ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”และ ผู้ถูกจับที่ 1 ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า,ผู้ถูกจับที่ 3 มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 6 ประกอบมาตรา 23 ตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 และ ผู้ถูกจับที่4ฐาน“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำบันทึกการจับที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงเอเซีย และนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอุทัยภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จะไม่พลาดข่าวสำคัญ ติดตามผลงานอ่านข่าวได้ที่
https://www.facebook.com/SONGKHAODEDTHAILAND
https://www.youtube.com/channel/UCWTu07cP_-GNgtULQWtA8qg
https://www.instagram.com/songkhaodedthailand/